Newly Rhinoplasty
Rhinoplasty
เสริมจมูกครั้งแรก แบบโอเพ่นที่ SLC Hospital
Rhinoplasty
เสริมจมูกครั้งแรก แบบโอเพ่นที่ SLC Hospital
Search by typing & pressing enter
YOUR CART
รีวิว ศัลยกรรมเสริมจมูกแบบธรรมชาติ ไม่โป๊ะ !
ที่
Siam Laser Clinic
(SLC Hospital) เค้าเป็นโรงพยาบาลแล้วเด้อ
สวัสดีค่า วันนี้เรามีประสบการณ์การทำศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิตที่อยากจะมาแชร์ให้หลายๆคนที่สนใจได้ฟังกันค่ะ
เผื่อเป็นหนึ่งในข้อมูลประกอบการตัดสินให้บางคนได้ ยาวหน่อยนะ แต่เราอยากเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้น จุดเปลี่ยน
การตัดสินใจ ผลที่ได้ ความเปลี่ยนแปลง และความรู้สึกที่เกิดขึ้นในการทำจมูกครั้งนี้ค่ะ
ตอนเด็กๆเราอ้วนค่ะ หน้าเน่อนี่กลมไปหมด ส่วนดั้งนี่ก็... เล็กๆน้อยๆ พอมีไว้กั้นไม่ให้ตาไหลมารวมกัน5555
พอเริ่มโตเป็นสาวก็เริ่มรักสวยรักงามตามสภาพค่ะ พยายามลดน้ำหนัก พอผอมลงก็รู้สึกว่าเห็นจมูกตัวเองชัดขึ้น ไม่ดูแหมบๆละ
ก็รู้สึกโอเคกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ประมาณนึง แต่พอเวลาผ่านไป เราสังเกตตัวเองมากขึ้นด้วยมั้ง ก็รู้สึก งืมมมม
หน้าเราแบนอ่ะ ก็ไม่ได้ถึงกับไม่ชอบหน้าตัวเองนะ แต่มันก็แบนๆอ่ะค่ะ แบบเวลาส่องกระจกก็จะตงิดๆใจนิดนึงอยู่เรื่อยๆ
จนกระทั่ง นี่! รูปนี้ค่ะ รูปรับปริญญา
รูปนี้ดั้งแหมบเวอร์ ฮืออออ
ภาพในความคิดเราตอนบอกตากล้องว่าขอถ่ายมุมนี้นี่มันห่างไกลจากความจริง
ของหน้าเรามากเลยล่ะ เลยเริ่มมีคิดๆละ ว่าถ้าเรามีสันจมูกสูงกว่านี้อีกสักนิด
มีปลายจมูกอีกสักหน่อย รูปมุมนี้มันก็น่าจะดูดีกว่านี้น้า หลังจากนั้นเราก็เริ่มสนใจหารีวิวทำจมูกอ่านเก็บมาเรื่อยๆค่ะ
แต่ก็นั่นแหละ ของมันไม่เคยอ่ะ แล้วรีวิวที่เราอ่านเราก็ไม่ได้เลือกอ่านแต่ Success case ด้วย
มันก็จะมีความกลัว + กังวล + ลังเลหน่วงอยู่ในหัวตลอดค่ะ
แบบ ถ้าทำแล้วไม่ได้อย่างที่ใจต้องการจะทำยังไง เพราะการต้องแก้มันไม่ได้ใช้แค่เงิน
แต่มันเสี่ยงที่โครงสร้างเดิมเราจะเสียหายจนแก้ให้เป็นแบบที่ต้องการไม่ได้อีกเลย
โครงการเสริมจมูกของเราก็เลยถูกพับเก็บไปค่ะ แต่ก็นั่นแหละ
คนเราส่องกระจกกันทุกวันเนอะ มันเลยถูกรื้อ -> พับเก็บ -> รื้อ -> พับเก็บ วนอยู่อย่างนี้เป็นปีๆ
ตั้งใจถ่ายรูปแค่ไหน จมูกก็ไม่มีเลย
ดั้งจ๋า มาหาแม่มะมะ
โนดั้งที่แท้ทรู
จนมีอยู่วันนึงดูทีวีอยู่กับแม่ค่ะ ก็มีคุยๆเรื่องจมูกสวยๆของดาราในทีวีกัน แม่พูดออกมาว่าจริงๆแล้วเราก็น่าจะทำจมูกนะ
ทำแล้วหน้าจะได้ดูพุ่งๆขึ้นหน่อย น่าจะสวยขึ้น ก็แบบ เออ แม่เราเห็นด้วยแฮะ อ่ะ ลองคุยกับแฟนด้วย
แฟนก็บอกแล้วแต่เราตัดสินใจเลย แต่ถ้าจะทำให้เลือกดีๆ เน้นปลอดภัย
อ่ะ! โครงการถูกรื้อกลับมาอีกครั้งเป็นรอบที่สองแสนห้าค่ะ5555 รอบนี้เลยตั้งเป้าว่าหารีวิวแต่จากสถาบัน-หมอที่เรารู้สึกโอเค
เชื่อใจได้เท่านั้นพอ ราคาช่างมัน ห้ามมองโปรฯเป็นช้อยแรกๆ เน้นว่าให้เลือกแล้วสบายใจ
เราเลยได้ลิสต์มาไว้ 4-5 สถาบันค่ะ ทีนี้ก็ลองสอบถามเพิ่มเติมเรื่องราคา เงื่อนไข การ Follow up พวกนี้ค่ะ
สุดท้ายก็เลือก
Siam Laser Clinic (SLC Hospital)
ค่ะ เพราะเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงมานานแล้วเกี่ยวกับเรื่องความสวยความงาม,
มีการได้รับมาตรฐานรับรองจากองค์กรต่างประเทศ (อันนี้สำคัญมากนะสำหรับเรา),
บริการ และเครื่องไม้เครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีล่าๆก็มีครบ และมีเข้ามาเรื่อยๆด้วย, มีหลายสาขา
ตรงนี้เราไม่ได้มองแค่ในแง่ของความสะดวกในการเลือกสาขาที่จะเข้ารับบริการเท่านั้นนะคะ
แต่เรามองว่ามันแสดงว่าเค้าเป็นบริษัทใหญ่ที่ทุนหนาพอที่จะเลือกซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เกรดดีๆเท่านั้นมาใช้ค่ะ
(เราทำงานทางสายสุขภาพค่ะ เลยพอรู้อยู่ว่าของพวกนี้มันมีหลายเกรด ซึ่งสภาพก็ต่างกันชัดเจนอยู่ แม้ว่าจะใช้ทำงานแทนกันได้ก็ตาม)
เราเป็นสัตวแพทย์ค่ะ เลยมีความรู้และเลือกเรื่องการรักษาพยาบาลค่อนข้าง ละเอียด แบบ ละเอียดมากกกกก
เข้าพบ และคุยกับคุณหมอค่ะ (ระหว่างนั่งรอหมอก็จะมีพนักงานเข้ามารับรอง มีเครื่องดื่ม และขนมมาบริการจัดเต็ม)
แรกพบเลยคือ...คุณหมอจมูกสวยจังค่ะ (เผลอมองเพลินเลย) เราก็อธิบายให้หมอฟังน่ะค่ะว่าเราอยากเติมตรงสันให้มันรับกับหน้าผากลงมาเนียนๆ
เรารู้สึกว่าที่มีอยู่มันจมหวัมเยอะเกินไป ละก็อยากให้มีปลายจมูกที่ชัดกว่านี้
ตอนนี้ที่มีอยู่มันมนๆแบนๆ แต่ก็ไม่ได้อยากให้มันโด่งหรือพุ่งมาก ไม่เอาแบบเห็นละรู้เลยว่าทำมา อยากให้ดูธรรมชาติ
อะไรประมาณนี้ค่ะ (เยอะเนอะ 5555) แต่ก็บอกหมอไปด้วยว่าเราก็ไม่รู้ว่าที่เราคิดมามันจะออกมาเข้ากะหน้าเรามั้ย
ก็ให้หมอช่วยดู + ออกแบบให้ด้วยนะคะ (ออกแนวฝากชีวิตละ) หมอก็มีแนะนำเพิ่มค่ะว่าถ้าอยากให้เป๊ะๆ
เลยก็น่าตัดปีกจมูกออกนิดนึงร่วมด้วย แต่เก็บไว้เป็นช้อยหลังก็ได้ ลองใส่เฉพาะซิลิโคนก่อน
บางทีพอแกนมันยกสันกับปลายจมูกขึ้นแล้วปีกอาจจะแคบลงเอง ก็ตกลงเอาตามที่คุณหมอแนะนำค่ะ
นัดวันทำ และฟังการเตรียมตัว
เช่น งดอาหารเสริมที่มีผลต่อหลอดเลือด หรือการแข็งตัวของเลือด
เช่น น้ำมันปลา วิตามิน E, นอนมาให้เต็มอิ่ม
วันทำก็มาถึงตามเวลานัดค่ะ อย่างแรกเลยคือพาเราไปถ่ายรูป Before เก็บไว้ให้
จากนั้นก็มานั่งรอซึ่งระหว่างนั้นก็จะมีพนักงานเข้ามารับรอง
มีเครื่องดื่มมาบริการจัดเต็ม (อีกเช่นเคย^^)
มีเอกสารเกี่ยวกับการศัลยกรรมมาให้เซ็น มียาปฏิชีวนะ และยาลดปวดให้กิน
สักพักก็จะมีเจ้าหน้าที่มารับพาเราขึ้นไปเปลี่ยนชุดสำหรับเข้าห้องผ่าตัดค่ะ
ซึ่งต้องถอดออกหมดเลยเพื่อไม่ให้เรานำพาอะไรที่จะเป็นแหล่งเชื้อโรคเข้าไปในโซนผ่าตัด
โดยทาง SLC ก็มีการเตรียมชุดชั้นในแบบใช้แล้วทิ้งไว้ให้นะคะ
ไม่ต้องกลัวหวิว มีตู้ล๊อกเกอร์แบบตั้งรหัสเองให้เก็บเสื้อผ้า-ของส่วนตัว
จากนั้นเจ้าหน้าที่คนเดิมจะวอเรียกให้เจ้าหน้าที่อีกคนที่อยู่ในโซนผ่าตัดมารับเราที่ประตู
คือเค้าจะแยกคน แยกโซนกันเลยค่ะ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน ขึ้นเขียง
เอ้ย! ขึ้นเตียงรอผ่าค่ะ พยาบาลฉีดยาลดปวดให้ทางเส้นเลือด มือเบามาก
คือรู้ว่าโดนแทงเข็มนะ แต่ไม่เจ็บเลย เจ๋งดี จากนั้นก็จะโดนทำความสะอาดหน้า โดยเฉพาะรูจมูกค่ะ
ทำเสร็จทันที บวมเล็กๆ
ตอนทำ เจ็บสุดก็ตอนฉีดยาชาค่ะ หมอฉีดยาชาเร็วมากแบบตั้งตัวไม่ทัน แล้วแป๊บเดียวก็ชา หมอกรีดได้เลยแบบไม่รู้สึกอะไรแล้ว ได้ยินแต่เสียง กับรู้ตัวว่ามีการทำนู่นนี่นั่นอยู่บนหน้า เสียงเซาะร่องน่าจะเป็นอะไรที่หวาดเสียวสุดแล้ว แค่นั้นเลย ที่เหลือคือไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ
- ตอนสครับรูจมูก พยาบาลบอกไว้ว่าถ้าน้ำยาหรืออะไรจะไหลลงคอให้กลืนเลยนะคะ น้ำยาเป็นแบบกินได้ค่ะ นี่ก็นึกถึงแต่น้ำยาๆ ก็งง ว่ามันไม่ได้ชุ่มเลยนี่หน่า ไม่เห็นไหลลงคออะไร ตอนทำถึงได้รู้ว่า อ่อ ที่เค้าบอกให้กลืนคือเลือดสินะ กลืนไปประมาณ 3 อึกเล็กๆ
- ระหว่างทำหมอใส่แท่งซิลิโคน แล้วเช็ค แล้วเอาออกมาเหลา 3-4 รอบได้ จุดนี้คือทำให้รู้สึกว่า เออ หมอเค้าไม่ได้ปล่อยผ่านๆง่ายๆนะ มีความเก็บรายละเอียดค่ะ^^
- หลังทำเสร็จก็เห็นว่ามีแค่ตรงปลายจมูกม่วงเป็นวงเล็กๆแค่ซีกซ้ายซีกเดียวค่ะ ก่อนลงจากเตียงพยาบาลก็แปะเฝือกให้ค่ะ จะได้ช่วยประคองให้เรา โดยเฝือกเนี่ยคุณหมออยากให้ใส่ 1 อาทิตย์ แต่ถ้าเรารำคาญ สามารถถอดออกก่อนได้ค่ะ โดยที่หมอขออย่างน้อย 3 วันค่ะ
AFTER ทันที ถือว่าบวมน้อยน้า
DAY 1
ก่อนกลับจะได้รับยาปฏิชีวนะ, ยาลดปวด (พารา), ชุดทำความสะอาดแผล (มีผ้าก๊อซ, คอตตอนบัด, น้ำเกลือล้างแผล และยาทาแผล) และใบวิธีการดูแลหลังการทำจมูกละเอียดเต็มหน้า A4
- หลังทำประมาณ 2-3 ชม. ถึงจะเริ่มปวดตื้อๆตึบๆแถวๆสันจมูก (ไม่เจ็บนะคะ มันรู้สึกแบบตื้อๆหน่วงๆมากกว่าอ่ะค่ะ) ก็กินพาราที่ทาง SLC จ่ายมาให้ค่ะ ตอนรับยามาก็คิดนะ ว่าแค่พาราเอาอยู่จริงๆหรอ แต่สรุปก็เอาอยู่จริงๆ เพราะพอกินไปสักพักก็ชิลเลย ไม่รู้สึกปวดหรือเจ็บอะไร
- อาหารมื้อแรกหลังทำคือ ข้าวต้มปลา เพราะรู้สึกว่ายังตึงๆยาชารอบๆปลายจมูกลงมาถึงริมฝีปากบน ยังไม่อยากขยับมาก เลยเลือกกินอะไรที่ไม่ต้องอ้าปากกว้าง ไม่ต้องออกแรงเคี้ยวมาก
- ประคบเย็นทุก 2 ชม.ตามหมอสั่งเลยค่ะ
- เลือดหยุดซึมหลังทำเสร็จ ประมาณ 3-4 ชม.
- กินพาราทุก 4 ชม.ค่ะ เพราะพอเริ่มเข้าชม.ที่ 4 ก็จะเริ่มตึงๆตึบๆที่สันจมูกแล้ว
- ก่อนนอน อาบน้ำแบบไม่ล้างหน้าค่ะ เก็บมาล้างด้วยการเช็ดน้ำเกลือ จากนั้นก็เช็ดทำความสะอาดแผลในรูจมูก (มีแค่ข้างเดียวนะคะ) ก็จะมีคราบน้ำเลือดจางๆติดคอตตอนบัดมา ใช้ 4 อันก็เช็ดคราบเลือดหมดเกลี้ยงค่ะ
- จัดหมอนนอนหลับในท่านั่ง 45 องศา ในคู่มือบอกให้นอนแบบนี้ 1 สัปดาห์ แต่ก่อนหมอออกจากห้องผ่าตัดหมอบอก 2 สัปดาห์ เลือกทำตามหมอค่ะ 55555 เรื่องแบบนี้ ยังไงเยอะๆไว้ก็ดีกว่าน้อยๆน่า เนอะ^^
Day2
ตื่นเช้ามาแบบตื้อๆสันจมูกค่ะ ก็รีบกินข้าวกินยา ทำความสะอาดแผล
แต่ก่อนกินส่องกระจกเห็นว่ารอยม่วงที่ปลายจมูกซีกซ้ายจางลง ส่วนใต้ตาก็ยังเป็นสีผิวปกติ
แอบงงเลย คือเคยเห็นคนรู้จัก 2-3 คนที่ทำจมูก สัปดาห์แรกนี่เค้ามีปื้นม่วงช้ำกันเข้มปึ้ด โดยเฉพาะใต้ตา ก็แบบ อืม รอดูพรุ่งนี้-มะรืนนี้ละกัน เพราะจะเป็นวันที่กระบวนการอักเสบในร่างกายขึ้นพีคที่สุด วันนี้ลาหยุดไว้ค่ะ ก็อยู่บ้านชิลๆ
แต่พอบ่ายอยากกินขนม ก็จัดการใส่ Mask ปิดปากปิดจมูก ขับรถออกไปเดินช้อปขนมที่เซ็นทรัลเลย
ส่วนเรื่องกิน วันนี้กินได้ปกติเลย ยกเว้นเวลาเคี้ยวของที่กรอบแบบตันๆแข็งๆ จะยังรู้สึกสะเทือนสันจมูกนิดหน่อย
วันนี้ระยะเวลาที่กลับมาตื้อสันจมูกเริ่มห่างขึ้นเรื่อยๆค่ะ วันนี้เราเลยกินพาราทุก 6 ชม. ร่วมกับประคบเย็นทุก 4-6 ชม.
DAY3
ตื่นเช้ามาแบบปกติเลยค่ะ ไม่ปวด แต่จะมีหน่วงๆที่สันจมูกบ้างเวลาก้มหน้า ก็รีบกินข้าวกินยา ทำความสะอาดแผล ส่องกระจกเห็นว่ารอยม่วงที่ปลายจมูกซีกซ้ายจางลงอีก ดูเป็นแค่รอยแดงๆจางๆ ส่วนใต้ตาก็ยังเป็นสีผิวปกติค่ะ วันนี้ยังลาหยุดอยู่ค่ะ ก็อยู่บ้านชิลๆ ทำงานบ้านได้ปกติค่ะ วันนี้ระยะเวลาที่กลับมาตื้อสันจมูกยังประมาณเดิมค่ะ วันนี้เราเลยกินพาราทุก 6 ชม. ร่วมกับประคบเย็นทุก 6 ชม. (เริ่มอู้ละ)
DAY4
DAY7
สองวันนี้ต้องไปทำงานค่ะ ก็ใส่ Mask เอา ทำงานได้ปกติเลยค่ะ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ก็เลยไม่กินพาราละ ส่วนประคบเย็นนั้น ไม่ได้ทำเลยค่ะ
DAY8
D8 : นัดถอดเฝือก + ตัดไหม
เกิดความประทับใจในพนักงานของ SLC ขั้นสุด!!!
คือวันนั้นตัดสินใจไม่ขับรถไปค่ะ
เพราะเป็นวันศุกร์ช่วงเวลาหลังเลิกงาน เดินทางด้วย BTS เอา แต่ฝนดันตกหนักมากกก
พอถึงสถานีทองหล่อแม้จะแค่กางร่มเดินไปขึ้นแท็กซี่ให้มาส่งหน้า SLC ก็ทำให้เปียกพอสมควรค่ะ
เข้าไปปุ๊บพนักงานที่มาต้อนรับก็รีบเอากระดาษทิชชู่มาให้เราเช็ดเนื้อตัว และกระเป๋าที่เปียก ตอนเตรียมจะเอาเครื่องดื่ม Full option
มาเสิร์ฟก็มาถามว่าเราอยากได้น้ำอุ่นมั้ย กลัวเราหนาว แบบบบบ ค่ะ! เอาไปเลยค่ะ 5 ดาว TvTb
พยาบาลเป็นคนถอดเฝือก และตัดไหมให้ค่ะ มือเบาดี ไม่รู้สึกเจ็บเลย
รู้สึกถึงไหมตอนรูดออกนิดหน่อย โดยพยาบาลจะทำการถ่ายรูปเราหลายๆมุมส่ง Consult ให้หมอค่ะ
หลังถอดเฝือกคันหน้ายุบยิบเลยค่ะ และแอบเหม็นอับหน้าตัวเอง 5555 ก่อนออกจาก SLC เลยขอล้างหน้าซะหน่อย
เราแค่เอาน้ำลูบๆตรงที่แปะเทปเฝือกนะคะ ยังล้างจัดเต็มไม่ได้เพราะรูไหมมันยังเหลืออยู่นิดๆอ่ะเนอะ
และพยาบาลก็บอกค่ะว่าคืนนี้ให้ล้างหน้าแบบเช็ดน้ำเกลือก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยล้างโฟมโดนน้ำได้ตามปกติค่ะ
ตอนเอาน้ำลูบไปที่จมูกจะรู้สึกตื้อๆค่ะ เป็นความรู้สึกแบบว่า อย่าเพิ่งไปยุ่ง ไปโดนมันเยอะดีกว่า
พอถอดเฝือกสักพักก็เริ่มรู้สึกหน่วงๆที่สันจมูกเล็กน้อยค่ะ เลยได้รู้ว่าเฝือกนี่ช่วยเราไว้เยอะมากเลยนะ
เพราะตอนมีมันเราไม่รู้สึกหน่วง/เจ็บ/ตึงอะไรเลยตั้งแต่วันที่ 3 หลังทำ ส่องกระจกจะเห็นว่าตรงสันจมูก
(จุดที่เราให้หมอเสริมเยอะที่สุด) ยังบวมๆอยู่ค่ะ กลับบ้านเราเลยประคบเย็นก่อนนอนไปทีนึง และยังนอนในท่านั่งเอน 45 องศาค่ะ
DAY 9
D9 :
สันจมูกยังบวมอยู่ค่ะ ยังเห็นชัดเวลาหันข้างค่ะ
และก็ยังรู้สึกหน่วงๆที่สันจมูกเล็กน้อยค่ะ วันนี้ล้างหน้าด้วยโฟมได้ตามปกติแล้ว มันฟินมากกกกก 5555 แต่เวลาถูแถวจมูกยังต้องเบามือมากๆอยู่นะคะ ทำงานได้ตามปกติค่ะ แต่อาจจะมีหน่วงเพิ่มขึ้นอีกนิดเวลาก้มหน้านานๆ วันนี้แม้จะยังบวมอยู่ แต่ก็ไม่ได้ประคบเย็นเลยค่ะ เพราะ...ลืม TuT
Day 14
สันจมูกค่อยๆยุบบวมลงอีกเรื่อยๆค่ะ แทบจะดูปกติละ เอานิ้วแตะเนื้อรอบๆสันจมูกเริ่มรู้สึกละค่ะว่ามันไม่ค่อยหนา แบบแตะแล้วรู้สึกโดนแท่งซิลิโคนเลย เริ่มจับ/บีบ/ถูจมูกได้มากขึ้น ไม่ค่อยตื้อ หรือเจ็บแล้วค่ะ
DAY 22
เริ่มจับ/บีบ/ถูจมูกได้มากขึ้น ไม่ค่อยตื้อ หรือเจ็บแล้วค่ะ แต่ก็ยังต้องเบามือนะคะ ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยค่ะ มีแค่คอยระวังไม่ให้มีอะไรมาโดนจมูกแรงๆก็พอ จมูกแทบไม่บวมแล้ว เลยทำให้เห็นในบางมุมแสงว่าแกนจมูกเราเอียงๆนิดนึง เลยกลับไปดูรูป Before ตัวเอง ก็เออ มันเอียงนิดๆจริงด้วย แต่พอโด่งขึ้นเลยเห็นชัดขึ้นมั้ง เลยนึกถึงที่หมอเคยบอกไว้ว่าเดือนแรกๆมันพอจับปั้นได้ เลยจับๆดันๆเองเลยค่ะ ทำเยอะๆก็จะเจ็บตื้อๆนิดๆนะ แต่มันก็ตรงขึ้นแบบเห็นได้ชัดเหมือนกันค่ะ เลยคอยจับๆดันๆเรื่อยๆทุกครั้งที่นึกได้
DAY 28
ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยค่ะ มีแค่คอยระวังไม่ให้มีอะไรมาโดนจมูกแรงๆก็พอ จมูกที่เคยดูเอียงก็ไม่ค่อยชัดแล้วค่ะ จะมีให้เห็นแค่บางมุมแสงเท่านั้น (ฝีมือดันใช้ได้เหมือนกันนะเรา 5555) ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนเลย เลยมีรูปถ่ายน้อยมาก แหะๆ แต่จากเท่าที่มีก็ชัดอยู่นะคะว่ามุมหันข้าง หรือหัน 45 องศาเราเปลี่ยนไปเยอะใช้ได้เลย เย่! ฟิน!
ตอนนี้เรามาดูภาพรีวิวก่อนทำ และ หลังทำ 1 เดือน กันดีกว่า
ส่วนตัวชอบมากค่ะ ชอบถ่ายรูปขึ้นมากๆ
ใครที่สนใจอยากทำจมูกแบบนิว
Add line ไปถามราคาโลด ตอนนี้เค้ามีโปร 19,000 เองนะคะ
คลิ๊กเลย :
https://line.me/R/ti/p/%40azu8027d
ส่วน Location รพ SLC อยู่นี่เลยจ้า ตรงข้ามทองหล่อ 25
นั่ง รฟฟ ไปได้เลย สถานี ทองหล่อ เด้อออออ
www.SLC.Hospital
อวดภาพสวยๆ หลังทำศัลยกรรมจมูกที่ SLC กันดีกว่า
นิวขอบคุณทุกคนที่ติดตามให้กำลังใจกันตลอดนะคะ
รีวิวนี่ก็เป็นรีวิวอันแรก ยังไง เขียนขาดตก บกพร่อง ส่วนไหน ขออภัยจริงๆน้า ^^